ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตนักเรียนม.ปลาย

ตอน มอสี่เทอมหนึ่ง & SPC

         เมื่อขึ้นม.ปลายมาครึ่งปีในมอสี่เทอมหนึ่ง  ฉันได้พบกับเรื่องราวต่างๆมากมาย มีทั้งความรัก ความเศร้า อกหัก มิตรภาพ และความเข้าใจ ที่ทำให้ฉันได้มีประสบการณ์และได้เปลี่ยนความคิดต่างๆมากขึ้น
         ในตอนมอต้นนั้นฉันเป็นคนที่ไม่อยากจะไปโรงเรียน ด้วยความคิดที่ว่าไม่รู้จะไปทำไม ไปโรงเรียนเเล้วได้อะไร หนังสืออ่านเองก็ได้ เพราะฉันเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนสนิทเท่าไร ไม่ติดเพื่อน และมักจะทำอะไรคนเดียวเสมอมา แต่เมื่อเปิดเทอมมอสี่ฉันได้พบกับเพื่อนใหม่ๆหลายคน ทั้งคนที่คุ้นหน้ากันอยู่แล้วแต่ไม่เคยคุยกัน และทั้งเพื่อนใหม่จากโรงเรียนอื่นด้วย ในช่วงเเรกของเปิดเทอมยังมีเรียนไม่หนักมาก เกือบทุกๆคนจึงอยู่กับแบบมอต้นคืออยู่กันแบบชิวๆ อ่านหนังสือบ้างไม่อ่านบ้าง จากนั้นพี่มอห้าและมอหกทับหนึ่ง ได้จะมาจับฉลากพี่รหัสและน้องรหัสกัน ฉันได้รหัสว่า Butcher พี่ของฉันนั้นคอยเทคแคร์ดูแลฉันดีมาก มีทั้งเค้กและขนมเลยล่ะ แต่เมื่อถึงคืนก่อนวันไปเข้าพี่เค้าโทรมาบอกฉันว่า พี่เค้าไปค่ายไม่ได้เนื่องจากเป็นไข้หวัด ส่วนสายรหัสที่อยู่มอหกก็เรียนอยู่ที่ ร.ร.เตรียมทหาร ฉันเริ่มจะคิดว่าค่ายนี้ฉันจะไปทำไมในเมื่อเขาไปเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสายรหัสกัน แต่ฉันก็ไปเพราะ ฉันรอคอยมันมานานถึงสองเดือน
เมื่อถึงวันเข้าค่ายห้องฉันได้ใส่เสื้อห้องกันไปซึ่งเป็นเสื้อบอลสีเขียวเหลือง(ตามกระแสบอลโลกเลย) ขณะนั่งรถไปทุกคนต่างเฮฮาร้องเพลงคุยกันเองบ้าง คุยกับรุ่นพี่บ้าง แต่ฉันมักจะนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างเพราะฉันเป็นคนที่คุยกับคนที่ไม่สนิทกันไม่เก่ง(ฉันเป็นขี้อาย ขี้กลัว กับการกระทำของตัวเองมากกลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับสิ่งที่ทำลงไป ตอนนั้นฉันจึงเลือกที่จะไม่คุยกับใครและนั่งเฉยๆ) เมื่อไปถึงค่ายได้มีกิจกรรมริมชายหาด เพื่อเข้าฐานต่างๆ เมื่อเข้าฐานเสร็จก็จะมีเเข่งกีฬาระหว่างห้องหนึ่งเเละห้องสอง ขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่นั้น ก็มีพี่มอหกคนหนึ่งเดินเข้ามาถามฉันว่า ''ไม่เเข่งอะไรกับเขาหรอ'' เขาเป็นแรกที่เข้ามาคุยกับฉัน ฉันปนะทับใจมากและเริ่มที่จะแอบชอบเขา แต่เพื่อนบอกว่าเค้าชอบเพื่อนสนิทของฉัน ฉันจึงคิดที่จะเลิกชอบเขา ในกิจกรรมค่ายนั้นฉันก็พยายามที่จะมองหาเค้าตลอดและก็เจอเค้าอยู่กับเพื่อนของฉันตลอดเช่นกัน แต่สำหรับฉันในตอนนั้นก็มีความสุขแล้ว เมื่อกลับมาจากค่ายฉันได้ add เมลล์เค้าไป (แต่ก็ add เมลล์คนอื่นๆด้วย) แต่วันนี้เค้าไม่ออน เมื่อเจอเค้าที่โรงเรียนฉันก็เริ่มที่จะคุยกับเค้าบ้าง  คอยแอบมองหาบ้าง จนเราได้รู้จักกันมากขึ้น แล้วก็ได้รู้ว่าเค้าไม่ได้ชอบเพื่อนของฉัน แต่เพราะเพื่อนของฉันนิสัยดีคุยกับคนง่าย จึงทำให้ฉันคิดไปเอง หลังจากนั้นไม่นาน เค้าก็ได้บอกชอบฉันแล้วเราก็คบกัน ช่วงเวลานั้นฉันมีความสุขมาก ตั้งใจเรียนมากขึ้น ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือตอนตีห้าพร้อมกับเค้าทุกวัน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเราก็เริ่มทะเลาะ เนื่องจากฉันและเขาเป็นคนใจร้อนทั้งคู้ไม่มีใครยอมใครและช่วงนั้นเค้ายุ่งๆอยู่ ฉันก็ไปรบกวนเค้ามาก และสุดท้ายนั้นจึงเป็นสาเหตุให้เราเลิกกัน และสิ่งนี้ทำให้ฉันได้เข้าใจกับคำว่า ''ความรักและความเสียใจ'' แต่ฉันก็ผ่านวันเวลานั้นมาได้เพราะเพื่อนๆที่คอยให้คำปรึกษาและคอยให้กำลังใจซึ่งฉันไม่เคยได้พบเจอ ฉันไม่เสียใจที่ได้เจอเขาเพราะมันทำให้ฉันได้รู้จักกับคำว่า ''มิตรภาพของเพื่อน'' ฉันทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คิดมากตั้งแต่ไปดูหนังยันทำโจทย์ อ่านหนังสือ จนอาจารย์ฟิสิกส์คิดว่าฉันตั้งใจเรียนมากเลย แต่ที่จริงแล้วสาเหตุมาจากฉันไม่อยากอยู่ว่างให้คิดมาก แต่ฉันคิดว่าสิ่งนี้ก็ดีแล้ว ช่วงนี้มีงานนิทรรศการวันวิทยาศาสตร์ห้องเราทำงานกันหนักมากแต่ในการทำงานครั้งนี้ ทำให้ทุกคนในห้องสนิทกันมากขึ้น จนคืนสุดท้ายก่อนถึงวันงานพวกเราทำงานจนถึงห้าทุ่ม หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนก็ถึงเวลาสอบ สอวน. ฉันตั้งใจอ่านชีวะมากถึงแม้ว่าจะไม่ติดค่ายสอวน. แต่ฉันก็ไม่เสียใจเพราะฉันได้พยายามแล้ว ปีหน้ายังมีอีก จากนั้นก็ใกล้ที่จะถึงเวลาสอบ final แล้วช่วงนี้มีงานหนักมากและมีสอบมากทำให้พวกเราเข้าใจชีวิตนักเรียนม.ปลายกันเลยทีเดียว เดินถือหนังสือกันทั้งวันเลย ชั่วโมงต่อชั่วโมง วิชาต่อวิชา เมื่อถึงเวลาสอบปลายภาคฉันได้รับรู่สิ่งหนึ่งคือเขาคนนั้นแต่ชอบคนๆหนึ่งและกำลังตามจีบอยู่ จากที่ฉันมีความหวังและรอการกลับมาฉันจึงได้พยายามที่จะตัดใจแทน และก็ทำไม่ได้ จึงเลิกคิดเรื่องนี้และมาตั้งใจอ่านหนังสือสอบให้มากที่สุดเเทน ฉันได้คุยกับเขาครั้งหนึ้่งว่า ทำไมฉันถึงขอโอกาสเขา เขาไม่ใช่คนดีอะไรและเขาก็มั้นใจด้วยว่าฉันไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้แต่ฉันตอบว่า '' ฉันมั่นใจในการกระทำในการตัดสินใจของฉันไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง เราก็ต้องเชื่อมั่นในตัวของเรา ถ้าเรามัวแต่จะตามคนอื่นเราจะมีความคิดเป็นของเราได้ยังไง'' ( I'm sure I can transform. )  ฉันยอมรับตอนนี้ฉันยังหวังให้เค้ากลับมีความสุขกับการหลอกตัวเองบ้าง มีความสุขกับเพื่อนบ้าง ฉันคิดว่าฉันไม่ผิด คนเรามักจะทำทุกวิถึทางให้ตัวเองมีความสุขแต่เราก็ไม่ควรไปเบียดเบียนใครเช่นกัน แล้วในที่สุดวันสอบวันสุดท้ายก็ผ่านไป ฉันได้ไปกินไปศครีมกับพี่ๆเพื่อนๆ และได้ไปร้องเพลงกันแล้วจึงกลับบ้าน
           สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในมอสี่เทอมหนึ่ง ฉันคิดว่าทุกสิ่งคืความทรงจำของเราทุกๆคน ความทรงจำไม่จำเป็นต้องเปรื่องดีเสมอไปมันอาจจะเป็นเรื่องไม่ดีที่เป็นบทเรียนให้เรานำไปปรับปรุงแก้ไขก็ได้
           สุดท้ายนี้ ฉันอยากจะบอกว่า ฉันมีความสุขมากที่ได้มาอยู้ห้องมอสี่ทับหนึ่ง เราทุกคนมีสายรหัสที่น่ารัก มีคำว่า SPC(Speacial Class) คอยเชื่อมให้พวกเราทุกคนอยู่ด้วยกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ฉันเปลี่ยนเเปลงตัวเองได้ และเป็นบทเรียนให้แก่ชีวิตของฉัน 

เรื่องราววัยเด็ก

เรื่องราววัยเด็ก

          ในสมัยเด็กๆนั้น(ตอนนี้แก่เเล้ว 555+) ฉันเป็นคนที่ซุ่มซ่ามมากถึงมากที่สุด  มีวีรกรรมมากมาย ทั้งกินลูกอมติดคอบนรถ เนื่องจากกระโดดเล่นบนเบาะรถ ขณะยายขับรถ ทำให้ตัวเองถูกล้วงคอเพราะหายใจไม่ออก(ทรมานมาก T_T)  ตกบันไดก็หลายครั้งอยู่ มีวันหนึ่งที่แม่มารับฉันที่โรงเรียนบริบาล ฉันก็กระโดดดีใจ เเต่เพราะอะไรไม่รู้(น่าจะเข่าทรุด) ทำให้ฉันล้มหัวฟาดพื้น จนหัวบวมโนเลย และยังมีวีรกรรมอื่นๆอีกมากมาย แต่ขอยกตัวอย่างไว้แค่นี้พอ เดี๋ยวจะดูว่าตัวฉันแย่จนเกินไป ฮ่าๆ 
          นอกจากจะซุ่มซ่ามแล้วฉันยังเอาแต่ใจอีกด้วยอยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะได้อะไรก็ได้ (จนเริ่มจะเสียนิสัย) มีครั้งหนึ่ง ฉันอยากได้ scooter แต่พ่อกับแม่ไม่ยอมซื้อให้ ฉันจึงกลับไปนอนดิ้นๆๆต่อหน้ายายที่บ้านและก็อ้อนๆๆ ยายจึงบอกให้พ่อไปซื้อ scooter ให้ฉัน และเมื่อแม่ตีฉันแล้วจับฉันขังไว้ในห้องนอน(ใจร้าย) แต่เนื่องจากว่าห้องนอนแม่มีสองประตู ฉันจึงแอบออกไปทางอีกประตูหนึ่งแล้วไปฟ้องยาย ยายก็ปลอบฉัน (รักยายที่สุดเลย) ฯลฯ
          ตอนเด็กฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้โรค ช่วงประถมปลายฉันมักเป็นลม คุณครูที่โรงเรียนจึงเเนะนำให้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ยายจึงพาฉันไปตรวจที่โรงพยาบาลเมืองราช ขณะที่หมอตรวจจังหวะที่หัวใจของฉัน หมอบอกว่าเต้นไม่ปกติจึงให้ไปอุลตร้าซาวน์หัวใจ ตอนนั้นฉันทั้งตื่นเต้นทั้งอายเลยล่ะ แต่เมื่อตรวจเสร็จแล้ว หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร เพียงแต่ลิ้นหัวใจผิดปกตินิดหน่อย ไม่มีผลต่อร่างกาย และสาเหตุที่เป็นลมบ่อยมาจากเลือดจางนั้นเองแต่ยังไม่ถึงกับเป็นโรคโลหิตจาง ตอนนั้นคนที่บ้านสบายใจมากที่ฉันไม่เป็นอะไร
         ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักมานานมาก 13 ปีอะ ปีนี้ก็ปีที่ 14 แล้ว ชื่อว่าอีฟ เคยมีวีรกรรมต่างๆด้วยกัน สนิทกันบ้างห่างกันบ้าง แต่อย่างดีที่สุด เราไม่เคยทะเลาะกันเลย(ก็มันไม่มีเรื่องอะไรให้ทะเลาะอะ - -)
         ในตอนเด็กฉันคิดว่า ชีวิตฉัน ฉันสามารถจัดการเองได้ ไม่ต้องมีใครมายุ่ง ไม่ต้องมีใครมาคอยช่วยเหลือ ไม่ต้องมีใครมาคอยปลอบใจ ฉันจะสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ทำให้ฉันคิดได้ว่า ''ชีวิตคนเรานั้นไม่มีใครที่อยู่คนเดียวได้ ชีวิตเราต้องเสียงที่จะทำความรู้จัก ต้องเสี่ยงที่จะทำความเข้าใจ และเมื่อเราผิดพลาดพลั่งไปก็ยังมีคนที่ปลอบเรา ถ้าเราอยู่คนเดียวอาจจะทำให้เราฟุ้งซ่านและอาจจะทำสิ่งที่ไม่ดีขึ้นได้'' เมื่อคิดดังนี้ ในตอนนี้ฉันจึงไม่เสียใจกับการกระทำทุกอย่างที่ทำลงไป เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็คือผลจากการกระทำในอดีตของเรานั้นเอง...

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บทความ ICT : การบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์

      คอมพิวเตอร์เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะมีการเสื่อมชำรุดไปตามสภาพระยะเวลาที่ใช้งานผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรเอาใจใส่ดูแลและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอเพื่อเพิ่มอายุ การใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งจะช่วยให้สามารถ ประหยัดงบประมาณในการซ่อมบำรุงหรือการเปลี่ยนอุปกรณ์สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่คอมพิวเตอร์ของคุณจะทำงานได้ดีนั้นคือ อย่างไรเช่นในห้องคอมพิวเตอร์ของคุณ ควรจะมีอุณหภูมิสูงเท่าไร  มีความชื้นไม่เกินเท่าไร ขีดจำกัดของการทำงานเป็นอย่างไร ระยะเวลาในการทำงานของเครื่องเป็นอย่างไร    ดังนั้น ห้องทำงานด้านคอมพิวเตอร์จึงควรเป็น ห้องปรับอากาศที่ปราศจากฝุ่น   และความชื้น ซอฟแวร์แผ่นดิสก์ที่เก็บซอฟแวร์และไฟล์ข้อมูล หรือสารสนเทศนั้นอาจเสียหายได้ ถ้าหากว่าแผ่นดิสต์ได้รับการขีดข่วนได้รับความร้อนสูง หรือ ตกกระทบกระแทกแรง ๆ สิ่งที่ทำลายซอฟแวร์  ได้แก่ ความร้อน ความชื้น ฝุ่น ควัน และการฉีดสเปรย์พวกน้ำยาหรือน้ำหอม ต่าง ๆ เป็นต้น
     การทำความสะอาดระบบคอมพิวเตอร์
1. ไม่ควรทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่เครื่องยังเปิดอยู่ถ้าคุณจะทำความ สะอาดเครื่อง    ควรปิดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนลงมือทำความสะอาด
2. อย่าใช้ผ้าเปียก ผ้าชุ่มน้ำ เช็ดคอมพิวเตอร์อย่างเด็ดขาด ใช้ผ้าแห้งดีกว่า
3. อย่าใช้สบู่ น้ำยาทำความสะอาดใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้ระบบของเครื่อง เกิดความเสียหาย
4. ไม่ควรฉีดสเปรย์ใด ๆ ไปที่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
5. ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ
6. ถ้าคุณจำเป็นต้องทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรดใช้อุปกรณ์ทำความสะอาด ที่คู่มือแนะนำไว้เท่านั้น
7. ไม่ควรดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์
8. ไม่ควรกินของคบเคี้ยวหรืออาหารใด ๆ ขณะทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์

สาเหตุที่ทำให้เครื่องพีซีเกิดความเสียหาย
1. ความร้อน
    ความร้อน ที่เป็นสาเหตุทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหาส่วนใหญ่ เกิดจากความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเมนบอร์ดของ
คอมพิวเตอร์เองวิธีแก้ปัญหาคือจะต้องรีบระบายความร้อนที่เกิดจากอุปกรณืต่างๆ ออกไปให้เร็วที่สุด
วิธีแก้ปัญหา
พัดลมระบายความร้อนทุกตัวในระบบต้องอยู่ในสภาพดี 100 เปอร์เซนต์ อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดควรจะอยู่ระหว่าง 60-70
    องศาฟาเรนไฮต์
ใช้เพาเวอร์ซัพพลาย ในขนาดที่ถูกต้อง
ใช้งานเครื่องในย่านอุณหภูมิที่ปลอดภัย อย่าตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงเป็นเวลานานๆ
2. ฝุ่นผง
    เป็นที่ทราบกันดีว่าในอากาศมีฝุ่นผงกระจัดกระจายอยู่ในทุกๆที่ฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่บนแผงวงจรของคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่
เสมือนฉนวนป้องกันความร้อน ทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบไม่สามารถระบายออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอกนอกจากนี้
อาจไปอุดตันช่องระบายอากาศของเพาเวอร์ซัพพลาย  หรือฮาร์ดดิสค์  หรืออาจเข้าไปอยู่ระหว่างแผ่นดิสค์กับหัวอ่าน ทำให้
แผ่นดิสค์หรือหัวอ่านเกิดความเสียหายได้
วิธีแก้ไข ควรทำความสะอาดภายในเครื่องทุก 6 เดือน หรือทุกครั้งที่ถอดฝาครอบ
ตัวถัง หรือ ชิ้นส่วนภายนอกอาจใช้สเปรย์ทำความสะอาด
วงจรภายในให้ใช้ลมเป่าและใช้แปรงขนอ่อนๆ ปัดฝุ่นออก
อย่าสูบบุหรี่ใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์
3. สนามแม่เหล็ก
    แม่เหล็กสามารถทำให้ข้อมูลในแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก็สูญหายได้อย่างถาวรแหล่งที่ให้กำเนิดสนามแม่เหล็กในสำนักงานมี
อยู่มากมาหลายประเภท อาทิเช่น
แม่เหล็กติดกระดาาบันทึกบนตู้เก็บแฟ้ม
คลิปแขวนกระดาษแบบแม่เหล็ก
ไขควงหัวแม่เหล็ก
ลำโพง
มอเตอร์ในพรินเตอร์
UPS
วิธีแก้ไข • ควรโยกย้ายอุปกรณ์ที่มีกำลังแม่เหล็กมากๆ ให้ห่างจากระบบคอมพิวเตอร์
4.สัญญาณรบกวนในสายไฟฟ้า
    สัญญาณรบกวนในสายไฟฟ้ามีหลายลักษณะ อาทิเช่น
แรงดันเกิน
แรงดันตก
ทรานเชียนต์
ไฟกระเพื่อม
1. แรงดันเกิน     ในกรณีที่เครื่องของท่านได้รับแรงดันไฟฟ้าเกินจากปกติเป็นเวลานานกว่า วินาที จะมีผลทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภาย
ในเครื่องเกิดความเสียหายได้
2. แรงดันตก     ในกรณีที่มีการใช้ไฟฟ้ากันมากเกินความสามารถในการจ่ายพลังงานไฟฟ้าจะมีผลทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟตกได้ไฟตกอาจทำ
ให้การทำงานของเพาเวอร์ซัพพลายผิดพลาดได ้  เนื่องจากเพาเวอร์ซัพพลายพยายามจ่ายพลังงานให้กับวงจรอย่างสม่ำเสมอ
โดยไปเพิ่มกระแส แต่การเพิ่มกระแสทำให้ตัวนำเพาเวอร์ซัพพลายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ร้อนขึ้น ซึ่งมีผลทำให้อุปกรณ์ต่างๆ เกิด
ความเสียหายได้
3. ทรานเชียนต์
    ทรานเชียนต์หมายถึง
การที่ไฟฟ้ามีแรงดันสุง(sags)หรือต่ำกว่าปกติ(surge)ในช่วงระยะเวลาสั้นๆทรานเชียนต์ที่เกิดในบาง
ครั้งจะมีความถี่สูงมากจนกระทั่งสามารถ เคลื่อนที่ผ่านตัวเก็บประจุไฟฟ้าในเพาเวอร์ซัพพลาย เข้าไปทำความเสียหาย ให้แก่
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้
4. ไฟกระเพื่อม     ทุกครั้งที่ท่านเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะทำให้กำลังไฟเกิดการกระเพื่อม เครื่องใช้ไฟฟ้ที่ต้องการกระแสไฟฟ้ามาก ๆ ก็จะทำให้
ความแรงของการกระเพื่อมมีค่ามากตามไปด้วย จากการศึกษาพบว่าการเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละครั้งจะทำให้เกิดการ
กระเพื่อมภายในเสี้ยววินาทีการกระเพื่อมจะมีผลต่อทุกๆส่วนภายในตัวเครื่อง รวมทั้งหัวอ่านข้อมูลของฮาร์ดดิสค์ด้วย
วิธีแก้ไข ในกรณีไฟเกิน ไฟตก และทรานเชียนต์ แก้ไขได้โดยการใช้เครื่องควบคุมกระแสไฟฟ้า หรือ ที่เรียกว่า Stabilizer
ส่วนไปกระเพื่อม แก้ได้โดยการลดจำนวนครั้งในการปิดเปิดเครื่อง
5.ไฟฟ้าสถิตย์
    ไฟฟ้าสถิตย์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาลแต่ในสภาวะที่อากาศแห้งจะส่งผลให้ความเป็นฉนวนไฟฟ้าสูงประจุของไฟฟ้า
สถิตย์จะสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และหาทางวิ่งผ่านตัวนำไปยังบริเวณที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่า ดังนั้นเมื่อท่านไปจับอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ประจุของไฟฟ้าสถิตย์จากตัวท่านจะวิ่งไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายได้
แต่ในสภาวะที่มีความชื้นสูง ไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดขึ้นจะรั่วไหลหายไปในระยะเวลาอันสั้น
วิธีแก้ไข ควรทำการคายประจุไฟฟ้าสถิตย์ ด้วยการจับต้องโลหะอื่นที่ไม่ใช้ตัวถังเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนจะสัมผัสอุปกรณ์ต่างๆ ใน
ระบบคอมพิวเตอร์
6.น้ำและสนิม
    น้ำและสนิมเป็นศัตรูตัวร้ายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดสนิมที่พบในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์มักจะเกิดจากการรั่ว
ซึมของแบตเตอรี่บนเมนบอร์ดซึ่งถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้น นั่นหมายความว่าท่านจะต้องควักกระเป๋าซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่มาทดแทน
ตัวเก่าที่ต้องทิ้งลงถังขยะสถานเดียว
วิธีแก้ไข หลีกเลี่ยงการนำของเหลวทุกชนิดมาวางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ของท่าน
กรณีการรั่วซึมของแบตเตอรี่ แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เมื่อเครื่องของท่านมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 1-2 ปีเป็น
ต้นไป
การบำรุงรักษาตัวเครื่องทั่วๆไป
เครื่องจ่ายไฟสำรอง (UPS) ถ้ามีงบประมาณเพียงพอควรติดตั้งร่วมกับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วยเพราะ UPS จะช่วยป้องกัน
และแก้ปัญหาทางไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นไฟตก ไฟเกิน หรือไฟกระชาก อันเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดความเสียหายของข้อมูลและชิ้น
ส่วนอื่นๆ
    การติดตั้งตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรือถ้ามีไม่มีเครืองปรับอากาศควรเลือกห้องที่ปลอด
ฝุ่นมากที่สุดและการติดตั้งตัวเครื่อง ควรจากผนังพอสมควรเพื่อการระบายความร้อนที่ดี
การต่อสาย Cable ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ต่าง  ๆ  เช่น Printer Modem Fax หรือ ส่วนอื่น ๆ จะต้องกระทำเมื่อ
power off เท่านั้น
อย่าปิด - เปิดเครื่องบ่อยๆ เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแก่โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่
ไม่เคลื่อนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่เครื่องทำงานอยู่ เพราะจะทำให้อุปกรณ์บางตัวเกิดความเสียหายได้
อย่าเปิดฝาเครื่องขณะใช้งานอยู่ ถ้าต้องการเปิดต้อง power off และถอดปลั๊กไฟก่อน
ควรศึกษาจากคู่มือก่อนหรือการอบรมการใช้งาน Software ก่อนการใช้งาน
    ตัวถังภายนอกของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบของเหล็กกับพลาสติกเมื่อใช้นานๆจะมีฝุ่นและคราบรอยนิ้ว
มือ มาติดทำให้ดูไม่สวยงามและถ้าปล่อยไว้นานๆจะทำความสะอาดยากจึงควรทำความสะอาดบ่อยๆอย่างน้อย1-2เดือนต่อครั้ง
โดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดที่ตัวเครื่องหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่อง คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะและที่สำคัญคือควรใช้ผ้าคลุม
เครื่องให้เรียบร้อยหลังเลิกใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นผงต่างๆ
7.การบำรุงรักษา Hard Disk
    ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่มีอายุยืนมากยากจะบำรุงรักษาด้วยตัวเอง ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย
ซึ่งควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
การติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยให้ด้านหลังของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ห่างจากฝาผนังไม่น้อย
กว่า 3 นิ้ว เพื่อการระบายความร้อน เป็นอย่างปกติไม่ทำให้เครื่องร้อนได้
ควรเลือกใช้โตีะทำงานที่แข็งแรงป้องกันการโยกไปมาเพราะทำให้หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ถูกกระทบกระเทือนได้
ควรมีการตรวจสอบสถานภาพของ Hard Disk ด้วยโปรแกรม Utility ต่างๆว่ายังสามารถใช้งานได้ครบ 100 % หรือมีส่วนใด
ของ Hard Disk ที่ใช้งานไม่ได้
8.การบำรุงรักษา Disk Drive
    ช่องอ่านดิสก์เมื่อทำงานไปนานๆหัวอ่านแผ่นดิสก์อาจจะเสื่อมสภาพไปได้ หัวอ่านดิสก์เกิดความสกปรกเน่องจากมีฝุ่นละออง
เข้าไปเกาะที่หัวอ่านหรือเกิดจากความสกปรกของแผ่นดิสก์ที่มีฝุ่น หรือคราบไขมันจากมือ ผลที่เกิดขึ้นทำให้การบันทึกหรืออ่าน
ข้อมูลจากแผ่นดิสก์ไม่สามารถดำเนินการได้
การดูแลรักษา Disk Drive ควรปฏิบัติดังนี้
เลือกใช้แผ่นดิสก์ที่สะอาดคือไม่มีคราบฝุ่น ไขมัน หรือรอยขูดขีดใดๆ
ใช้น้ำยาล้างหัวอ่านดิสก์ทุกๆเดือน
หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นดิสก์เก่าที่เก็บไว้นานๆ เพราะจะทำให้หัวอ่าน Disk Drive สกปรกได้ง่าย
9.การบำรุงรักษา Monitor
    ในส่วนของจอภาพนั้นอาจเสียหายได้เช่น ภาพอาการเลื่อนไหลภาพล้ม ภาพเต้นหรือไม่มีภาพเลย ซึ่งความเสียหายดังกล่าวจะ
ต้องให้ช่างเท่านั้นเป็นผู้แก้ไขผู้ใช้คอมพิวเคอร์ควรระมัดระวัง โดยปฏิบัติดังนี้
อย่าให้วัตถุหรือน้ำไปกระทบหน้าจอคอมพิวเตอร์
ควรเปิดไฟที่จอก่อนที่สวิซไฟที่ CPU เพื่อ boot เครื่อง
ไม่ควรปิดๆ เปิดๆ เครื่องติดๆกัน เมื่อปิดเครื่องแล้วทิ้งระยะไว้เล็กน้อยก่อนเปิดใหม่
ควรปรับความสว่างของจอภาพให้เหมาะสมกับสภาพของห้องทำงาน เพราะถ้าสว่างมากเกินไปย่อมทำให้จอภาพอายุสั้นลง
อย่าเปิดฝาหลัง Monitor ซ่อมเอง เพราะจะเป็นอันตรายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง
เมื่อมีการเปิดจอภาพทิ้งไว้นานๆ ควรจะมีการเรียกโปรแกมถนอมจอภาพ (Screen Sever) ขึ้นมาทำงานเพื่อยืดอายุการใช้งานของจอภาพ


แหล่งข้อมูล :  http://noomook-ict.exteen.com/20090812/ict

Mind Map

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

รอมกับความจำที่ไม่อาจลืม


                      ถ้าจะให้เปรียบเทียบตัวของข้าพเจ้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ว่าตัวข้าพเจ้าเป็นอะไร ข้าพเจ้าคิดว่าตัวของข้าพเจ้านั้นเหมือนกับ รอม (ROM: Read-only Memory หน่วยความจำอ่านอย่างเดียว) รอมเป็นหน่วยความจำแบบสารกึ่งตัวนำชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ไม่สามารถใส่ข้อมูลลงไปได้ ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้ำได้เป็นหน่วยความจำที่มีซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจำประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากหน่วยความจำ (nonvolatile) โดยทั่วไปจะใช้เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีการแก้ไขอีกแล้ว  ซึ่งก็เหมือนกับตัวของข้าพเจ้าที่เมื่อคิดที่จะทำสิ่งใดหรือจดจำสิ่งใดไว้ในความทรงจำแล้ว บุคคลทุกคนจะทำได้เพียงรับรู้ จะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดหรือความทรงจำของข้าพเจ้าได้  ถึงแม้บุคคลนั้นจะพยายามให้คำแนะนำขนาดไหนก็ตาม ไมโครคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องอาจมีขนาดของหน่วยความจำหลักแตกต่างกันก็เหมือนกับความคิดและความทรงจำของแต่ละคนที่มีไม่เหมือนกัน